ค้นพบ Oshadhi
การดูแลจัดการ น้ำมันหอมระเหย ความแตกต่างของ Oshadhi
Oshadhi ตระหนักว่า น้ำมันหอมระเหยมีพลังงานต้นกำเนิดของชีวิต อยู่ภายใน การผลิตน้ำมันหอมระเหย รวมทั้งการเก็บรักษา จึงควรเป็นไป ในวิถีที่สมควรกับคุณค่านี้ เราจึงเริ่มกระบวนการตั้งแต่การจัดการสถานที่ผลิต ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยใช้ดีไซน์ในเชิงสถาปัตยกรรมของวาสตุศาสตร์ ที่เป็นศาสตร์เก่าแก่ของอินเดีย โดยมีหลักการคล้ายคลึงกับศาสตร์ฮวงจุ้ยของจีนที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
สถานที่ผลิตของเรา
ตั้งอยู่ในบริเวณที่โล่งกว้าง ปราศจากความหนาแน่น ล้อมรอบด้วยทุ่งและพรรณไม้ธรรมชาติ ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ทางตอนใต้ ของประเทศเยอรมันนี ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นด้วยหลักการดีไซน์ที่คำนึงถึง ความโปร่ง โล่ง เช่นเดียวกับสภาพแวดล้อม เปิดรับแสงอาทิตย์ และกลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติที่อยู่ล้อมรอบ ส่วนใหญ่ของตัวอาคารจะเป็นวัสดุที่สร้าง ด้วยไม้ ไม้สน และต้นลาร์ช เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่พนักงาน และส่งผลไปถึงตัวผลิตภัณฑ์ของเรา ภายในเน้นที่บานหน้าต่างกว้าง และเพดานสูง ให้รู้สึกได้ถึงความเป็นอยู่ที่ดี เปี่ยมสุขภาพ เพื่อให้ส่งทอดไปถึงผลิตภัณฑ์ที่เขาดูแล สายไฟในกำแพงถูกห่อหุ้มเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลของ พลังงานไฟฟ้า
เราหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่มีความเข้มข้นของพลังงานสูง ในการจัดการ ส่วนผสม และการบรรจุขวดของน้ำมันด้วยเหตุผลเดียวกัน ระหว่างวัน เพลงในท่วงทำนองพิเศษ จะถูกเปิดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง เพื่อสร้างคลื่นแห่งพลังงานบวก ที่จะมีผลโดยตรงต่อโครงสร้างโมเลกุลของน้ำมัน ใครที่คุ้นเคยกับงาน “Message from Water – สาส์นจากวารี” ของ ดร.อีโมโต้ ชาวญี่ปุ่น ที่ได้ศึกษาค้นคว้าผลที่เกิดขึ้นจากเพลง อารมณ์ และความรู้สึกนึกคิด ที่มีต่อโมเลกุลของน้ำ จะสามารถเข้าใจได้ทันทีถึงผลของกระบวนการที่เราทำอยู่ ทีมทำงานของเรา ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปรองดองและความสัมพันธ์ ที่ดีต่อกัน เพื่อไม่ให้มีความรู้สึกลบเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้
ในขณะที่บริษัทอื่นๆ ใช้เครื่องจักรกลในกระบวนการผลิตน้ำมันหอมระเหย Oshadhi ดูแลน้ำมันหอมระเหยเช่นโมเลกุลที่มีชีวิต และสนับสนุนส่งเสริม ด้วยวิถีแห่งพลังที่เราได้เรียนรู้ ผ่านประสบการณ์ในหลายปีที่ผ่านมา เราตระหนักถึงประโยชน์ที่แท้จริงและความแตกต่างในผลลัพธ์ที่ได้ จากกระบวนการ ที่เราใช้ เริ่มต้นด้วยน้ำมันที่มีคุณภาพระดับสูงสุด สกัดด้วยกระบวนการธรรมชาติ ที่มีความละเอียดอ่อนอย่างที่สุด เพิ่มความรู้สึกแห่งการสำนึกในคุณค่าของธรรมชาติ ด้วยความรู้สึกเคารพและอ่อนโยน ตั้งแต่ขั้นตอนของการจัดการ ไปจนถึง การส่งถึงมือของลูกค้า ให้พลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมอยู่ในทุกหยาดหยดของน้ำมัน สื่อสารและถ่ายทอดความมหัศจรรย์ของธรรมชาติสู่คุณ ในที่สุด
การสกัดน้ำมันหอมระเหย
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณภาพของน้ำมันหอมระเหยแตกต่างกัน ก็คือ วิธีการและความใส่ใจในกระบวนการสกัด น้ำมันหอมระเหยส่วนใหญ่ของ Oshadhi ใช้วิธีการสกัดแบบการกลั่นด้วยไอน้ำ ในกระบวนการของเรา จะไม่มีการใช้ตัวทำละลายที่เป็นสารเคมีเลย ซึ่งก็ไม่ใช่วิธีการที่ง่าย เพราะในการสกัดน้ำมันหอมระเหยนั้น มีหลากหลายเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป บางเทคนิคเป็นการใช้ความดัน หรือความร้อนสูง เพื่อทำให้กระบวนการนั้นเกิดได้เร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ผลผลิต ที่ได้มีคุณภาพไม่สูงนัก ในทางกลับกันคือใช้วิธีการสกัดอย่างช้าๆ ด้วยความร้อนต่ำ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เราเลือกใช้ผลิตน้ำมันหอมระเหยของ Oshadhi วิธีนี้ทำให้เราได้การสกัดที่มีความสมบูรณ์มากกว่า มีกลิ่นหอม ที่ละเอียดและเข้มข้นยิ่งขึ้นกว่ากระบวนการที่ใช้กันโดยทั่วไป ซึ่งหวังผล เพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้นในเวลาที่รวดเร็ว
เลมอน จากการสกัดเย็น
โดยทั่วไป น้ำมันหอมระเหยซิตรัส จะไม่ใช้วิธีการสกัดแบบกลั่นด้วยไอน้ำ แต่ใช้เป็นวิธีการสกัดเย็นแทน วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวที่บอบบางของมะนาวได้รับผลกระทบของความร้อน ซึ่งจะมีผลอย่างยิ่งต่อคุณภาพโดยรวม และความเข้มข้นของกลิ่นหอม สำหรับดอกไม้ที่มีความบอบบางละเอียดอ่อน หรือพืชบางชนิดที่มีคุณสมบัติ ในทางบำบัดโดยเฉพาะ ต้องใช้วิธีการสกัดด้วยตัวทำละลายในแบบที่แตกต่าง กันออกไป เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารหอมบริสุทธิ์ ที่เรียกว่า Absolute ในกระบวนการนี้มีสิ่งสำคัญมากที่ต้องหลีกเลี่ยง คือการใช้ตัวทำละลายที่มีพิษ และจะต้องเข้มงวดกับระดับความร้อนที่ต่างกัน รวมทั้งสัดส่วนของตัวทำละลาย ต่างๆที่เที่ยงตรงตามพารามิเตอร์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ตัวทำละลายทั้งหมด จะระเหยออกไปจนหมดสิ้นก่อนที่จะได้ผลลัพธ์สุดท้ายออกมา Oshadhi นำศิลปะขั้นสูงนี้มอบสู่คุณ ในรูปแบบของสารหอมบริสุทธิ์ Absolute จากพืชพันธุ์ที่ต้องใช้วิธีการสกัดด้วยศิลปะขั้นสูงเช่นนี้เท่านั้น
การใช้น้ำมันหอมระเหย
วิธีการใช้น้ำมันหอมระเหยและข้อมูลด้านความปลอดภัย
น้ำมันหอมระเหย สามารถใช้เพื่อประโยชน์ทางด้านสุขภาพได้หลายทาง ตั้งแต่การดูแลผิวพรรณ การช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ไปจนถึงการคลายความเครียดวิธีใช้ที่ง่ายที่สุด คือการสูดดมกลิ่นโดยตรง หรือใช้กับเครื่องกระจายความหอมคุณอาจทำให้เจือจางด้วยน้ำมันตัวพา (carrier oil) และใช้ทาบนผิวหรือเส้นผมได้โดยตรง นอกจากนี้คุณสามารถสร้างสรรค์เจลอาบน้ำ หรือแชมพูกลิ่นพิเศษเฉพาะคุณได้ ด้วยการผสมน้ำมัน 2-3 หยดในเจลอาบน้ำหรือแชมพูได้อีกด้วย
ตัวอย่างของการใช้น้ำมันหอมระเหยในแบบต่างๆต่อไปนี้ มีความแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่คุณต้องการ และชนิดของน้ำมันหอมระเหยที่เลือกใช้ น้ำมันหอมระเหยบางประเภท อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว จึงเหมาะสำหรับใช้ในการสูดดมเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น
เครื่องกระจายความหอม
เป็นวิธีที่เหมาะสมในการช่วยสร้าง กลิ่นหอมภายในห้องของคุณ อย่างเช่น กลิ่นลาเวนเดอร์จะทำให้คุณรู้สึก ผ่อนคลาย หรือกลิ่นเกรปฟรุตจะช่วยเคลียร์บรรยากาศภายในห้องของคุณ
การสูดดม
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการสูดดมกลิ่นนั่นเอง เพียงแค่เปิดขวด น้ำมันหอมระเหยเพื่อสูดกลิ่น 2-3 ครั้ง หรืออาจจะใช้หยดลงในน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าขนหนูคลุมศีรษะ หลับตา และสูดกลิ่นจากไอที่ระเหยขึ้นมาสัก 2-3 นาที
การระเหยแบบแห้ง
คุณสามารถหยดน้ำมันหอมระเหยเล็กน้อยลงบนผ้า หรือไม้ เพื่อปล่อยให้กลิ่นระเหยไปในอากาศ ในห้องหรือรถของคุณ หรือใช้ สูดดมโดยตรงได้เช่นกัน
การฉีดพ่นแบบสเปรย์
ผสมน้ำมันหอมระเหยหรือซินเนอร์จี้/เบลนด์ ชนิดใดชนิดหนึ่งของ Oshadhi กับตัวทำละลายที่เป็น water-based เขย่าให้เข้ากัน แล้วฉีดพ่นในอากาศ อีกตัวเลือกหนึ่งที่ง่ายกว่าก็คือ คุณสามารถ เลือกใช้สเปรย์ปรับอากาศของ Oshadhi ได้เลย วิธีนี้จะทำให้บ้านของคุณ มีบรรยากาศที่ดี และทำให้การอยู่ในห้องโรงแรม มีความรู้สึกดีเหมือนอยู่ที่บ้าน คุณยังใช้สเปรย์นี้ ฉีดบนเสื่อโยคะของคุณเพื่อทำความสะอาดได้อีกด้วย
การประคบ
น้ำมันหอมระเหยที่เจือจางด้วยตัวทำละลายที่เป็นน้ำ หรือน้ำมัน สามารถใช้กับอุปกรณ์เพื่อการประคบ หรือใช้กับบริเวณที่เกิดอาการ ได้โดยตรง สามารถใช้ได้กับการประคบทั้งแบบร้อน และแบบเย็น ตัวอย่างเช่น ใช้น้ำมันหอมระเหยขิง (Zinziber officinalis) 2-3 หยด ผสมกับน้ำอุ่นจัดจากนั้นใช้ผ้าจุ่มลงในน้ำและประคบบริเวณข้อที่ปวด อาจเพิ่มความร้อนขึ้นอีกได้ หากต้องการ
น้ำยาบ้วนปาก
หยดน้ำมันหอมระเหยเล็กน้อยลงในน้ำ ผสมให้เข้ากัน ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากได้ แต่ห้ามกลืนลงคอ ตัวอย่างเช่น น้ำมัน Tea Tree Oil เพียง 1 หยดในน้ำ 1 แก้ว สามารถใช้กลั้วคอเมื่อรู้สึกเจ็บคอได้ ปริมาณที่ควรใช้ คือ น้ำมัน 1-2 หยด ในน้ำอุ่น 30 มล.
ใช้อาบ
หยดน้ำมันหอมระเหยลงในน้ำที่ใช้อาบ และทำให้กระจายตัว ให้ทั่วก่อนจะลงไปในอ่างอาบน้ำ วิธีนี้จะช่วยให้น้ำมันซึมซาบเข้าสู่ผิวได้โดย ตรง และยังได้สูดไอหอมของน้ำมันหอมที่ระเหยอยู่รอบตัวได้ในขณะเดียวกัน หรืออาจใช้ครีมน้ำนมสัก 2-3 ช้อนโต๊ะเป็นตัวช่วยกระจายน้ำมันหอมระเหยก็ได้
น้ำมันหอมระเหยไม่ละลายในน้ำ แต่จะลอยตัวอยู่ที่ด้านบนของผิวน้ำ ขณะอาบ ผิวของเราจะสัมผัสน้ำมันหอมระเหยที่เข้มข้น เต็มพลังบำรุง ได้เต็มที่เกลืออาบน้ำสามารถใช้เป็นตัวกระจายน้ำมันหอมระเหยได้เช่นกัน เราสามารถเตรียมน้ำอาบเพื่อความผ่อนคลายได้เองง่ายๆ ด้วยการใช้ เบกกิ้งโซดา 1 ส่วน ดีเกลือ 2 ส่วน และเกลือทะเล 3 ส่วน หยดน้ำมันหอมระเหย ลาเวนเดอร์แท้ จำนวน 6 หยดต่อส่วนผสมข้างต้น 2 ช้อนชา ผสมส่วนผสม ทั้งหมดนี้ให้เข้ากันกับน้ำที่จะใช้ ก่อนอาบ
ใช้นวด
ใช้น้ำมันหอมระเหยผสมกับน้ำมันธรมชาติที่เป็นตัวพา (natural carrier oil) เพียงเท่านี้ ก็ใช้เป็นน้ำมันทาผิวได้แล้ว น้ำมันนวดสำหรับผู้ใหญ่ ไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยเข้มข้นเกิน 1% (1 หยดใน 1 ช้อนชา) ความเจือจางปกติสำหรับน้ำมันที่ใช้นวดทั่วไป ควรอยู่ที่ประมาณ 1-3% (น้ำมันหอมระเหยประมาณ 7-20 หยด ในน้ำมันตัวพาปริมาณ 30 มล.) สำหรับทารก ความเข้มข้นของน้ำมันที่ใช้ไม่ควรเกิน 0.25% สำหรับเด็กเล็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี ไม่ควรเกิน 0.5% และสำหรับเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป ไม่ควรเกิน 1% ตัวเลือกของน้ำมันหอมระเหยสำหรับนวดที่คุณจะเลือกใช้ ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ ที่คุณต้องการ
ใช้สำหรับดูแลผิว
คุณสามารถใช้น้ำมันหอมระเหยดูแลผิวพรรณได้ หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเจือจางน้ำมันหอมระเหยด้วยน้ำมันตัวพา และทาลงบนผิว หรือเตรียมส่วนผสมตามความชอบของคุณเพื่อใช้กับลูกกลิ้ง ใช้กับบริเวณที่กล้ามเนื้อมีอาการเจ็บ หรือเครียดตึง เพื่อให้คลายตัว หรือใช้นวดเบาๆที่จุดต่างๆในร่างกาย เช่น ขมับ ข้อมือ หรือบริเวณหน้าผาก (Third Eye) นอกจากนี้ยังสามารถใช้น้ำมัน 2-3 หยด ทาบริเวณรอบจมูก หรือใช้เป็นน้ำมันนวดเท้าด้วยก็ได้ อีกทางเลือกหนึ่ง คือใช้น้ำมันหอมระเหยผสม เข้ากับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆที่คุณใช้อยู่ เช่น โทนเนอร์ เซรัม หรือครีมนวดกล้ามเนื้อ แต่อย่าลืมที่จะเจือจางน้ำมันหอมระเหยในน้ำมันตัวพา ก่อนจะใช้ทุกครั้ง
น้ำมันหอมระเหยเป็นสารที่มีความเข้มข้นสูง เกิดจากสกัดด้วยวิธีธรรมชาติ จากใบไม้ ดอกไม้ กิ่ง ก้าน และลำต้นของพืช ซึ่งมีกลิ่นหอมอันน่าทึ่งและ
มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษา เช่น เป็นสามารถต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส นอกจากนี้ยังช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว
ลดอาการเจ็บปวดต่างๆ แก้ไขปัญหาผิวพรรณ บรรเทาอาการไข้หวัด และช่วยบำรุงรักษาระบบย่อยอาหารได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี การทำความเข้าใจประโยชน์และข้อห้ามในการใช้งานเป็นสิ่งจำเป็น ผู้ใช้ควรระมัดระวังในการใช้น้ำมันหอมระเหย และหมั่นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สรรพคุณต่างๆอยู่เสมอ ซึ่งคุณสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันแต่ละชนิด ได้ที่เว็บไซต์ของเรา
การใช้น้ำมันหอมระเหยสำหรับทารกและเด็กเล็ก
0-6 เดือน : น้ำมันหอมระเหยที่สามารถใช้กับเด็กทารกในวัยนี้ได้ มีเพียง ลาเวนเดอร์และคาโมมายล์ และควรใช้ในปริมาณที่น้อยมาก นั่นก็คือ น้ำมันหอมระเหย 1 หยดกับน้ำมันตัวพา 2 ช้อนชา เช่น น้ำมันสวีทแอลมอนด์ น้ำมันงา หรือน้ำมันโจโจบา สำหรับการนวด หรือใช้เครื่องกระจายความหอม
6-12 เดือน : เด็กในวัยนี้ สามารถเพิ่มการใช้น้ำมันส้มแมนดาริน เนโรลิ และกุหลาบ ได้
1-6 ปี :คุณสามารถเริ่มใช้น้ำมันส้ม ผักชี พาลมาโรซา และ ทีทรี
7-12 ปี : สำหรับเด็กในวัยนี้สามารถที่จะใช้น้ำมันหอมระเหยได้
เกือบทุกประเภท แต่ควรใช้เพียง 1 ใน 4 ของปริมาณที่ผู้ใหญ่ใช้
ควรเก็บน้ำมันหอมระเหยให้พ้นมือเด็กอยู่เสมอ และระวังอย่าให้เข้าตา
ทำความเข้าใจเรื่องการกำหนดราคาของน้ำมันหอมระเหย:
ในพืชพันธุ์ที่ถึงแม้จะมีความเหมือนกันมากๆ ก็ยังคงมีคุณภาพที่แตกต่างกัน โดยแบ่งได้ตามเกรด เช่นเดียวกันกับการค้นหาที่มาของไวน์เกรดดี ซึ่งต้องดูไปถึงแหล่งที่มาและชนิดขององุ่นที่นำมาผลิต ไวน์เกรดต่ำลงมา และมีราคาไม่แพง ก็อาจพบว่า ใช้องุ่นชนิดเดียวกัน และมาจากภูมิภาคเดียวกัน ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือความบริสุทธิ์และความสมบูรณ์ของกลิ่น ความอุดมสมบูรณ์ของน้ำมัน และคุณสมบัติแห่งความละเอียดอ่อนที่ได้รับผ่าน การจัดการด้วยความใส่ใจ ตั้งแต่ขั้นตอนของการปลูก ผ่านกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงการสกัดและการเก็บรักษา
ความแตกต่างในเรื่องราคาที่เห็นได้อย่างชัดเจนข้อหนึ่ง คือ ราคาจะขึ้นอยู่กับ ปริมาณที่สกัดได้จากพืชชนิดนั้นๆ รวมทั้งราคาวัตถุดิบของพืชที่นำมาสกัด ทั้งในแบบที่หาได้ทั่วไป และพืชพันธุ์ที่หายาก ซึ่งก็มีราคาที่ต่างกันแล้ว ตัวอย่างเช่น อาจจะต้องใช้เลมอนบาล์มมากถึง 10,000 กก. ในการกลั่นเป็นน้ำมันเลมอนบาล์มบริสุทธิ์เพียง 1 ลิตร เทียบกับน้ำมันยูคาลิปตัส 1 ลิตร ที่ต้องใช้ใบยูคาลิปตัสในการกลั่นเพียงแค่ 30 กก. เท่านั้น หนึ่งในน้ำมันที่มีราคาสูงที่สุด คือ น้ำมันกุหลาบ ซึ่งต้องใช้เฉพาะกลีบกุหลาบ ในปริมาณมากถึง 5,000 กก. เพื่อสกัดเป็นน้ำมันกุหลาบเพียง 1 กก.
สำหรับเรื่องราคาของตัวผลิตภัณฑ์ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปรียบเทียบราคา ของน้ำมันหอมระเหย 2 ชนิด โดยไม่ได้ทำความเข้าใจความซับซ้อนของตัวแปร ที่ส่งผลเฉพาะต่อน้ำมันชนิดนั้นๆ เสียก่อน ปัจจัยดังกล่าว ได้แก่ ความหายากของพืชชนิดนั้นๆ ทั้งที่เป็นพันธุ์แท้และพันธุ์ผสม แหล่งต้นกำเนิด วิธีการเพาะปลูกรวมถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการสร้างและรักษาคุณสมบัติที่เป็น เกรดออร์แกนิค วิธีการและปริมาณในการสกัดเพื่อให้ได้ผลผลิตเป็น น้ำมันหอมระเหย การจัดเตรียมตามความต้องการที่มีในขั้นตอนของการเก็บเกี่ยว ปัจจัยแวดล้อมทางอากาศ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย
มีน้ำมันหอมระเหยเป็นจำนวนมากถูกผลิตออกสู่ตลาด เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรม น้ำมันหอมระเหยเหล่านี้ ผลิตขึ้นในปริมาณมากด้วยการใช้แรงดันสูงหรือใช้วิธีสกัดด้วยตัวทำละลาย เป็นกรรมวิธีการผลิต ที่มีต้นทุนต่ำ และไม่สามารถให้ผลผลิตของน้ำมัน aromatherapy ที่มีคุณภาพสูงเช่นน้ำมันของ Oshadhi บางชนิดใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพต่ำกว่า หรือผสมน้ำมันสังเคราะห์เพื่อให้ราคาต้นทุนต่ำลง Oshadhi เลือกที่จะให้ ความสำคัญกับความบริสุทธิ์และคุณภาพที่ดีของน้ำมัน ราคาของเราบ่งบอก ได้ชัดเจนถึงความบริสุทธิ์ คุณภาพ และความใส่ใจที่เรามีให้กับผลิตภัณฑ์ ในทุกขั้นตอน เราเป็นผู้คัดเลือกวัตถุดิบจากแหล่งเพาะปลูกทั่วโลกด้วยตัวเอง และจากความสัมพันธ์สายตรงอันแน่นแฟ้นนี้ ช่วยให้เราลดค่าใช้จ่าย ที่ไม่จำเป็นจากคนกลางลงได้ เราจึงสามารถมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับ พรีเมียมในราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด สู่มือคุณได้ในวันนี้
รูปภาพ น้ำมันจันทน์ ประเทศออสเตรเลีย
การสกัดน้ำมันหอมระเหย
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณภาพของน้ำมันหอมระเหยแตกต่างกัน ก็คือ วิธีการและความใส่ใจในกระบวนการสกัด น้ำมันหอมระเหยส่วนใหญ่ของ Oshadhi
ใช้วิธีการสกัดแบบการกลั่นด้วยไอน้ำ
ในกระบวนการของเรา จะไม่มีการใช้ตัวทำละลายที่เป็นสารเคมีเลย ซึ่งก็ไม่ใช่วิธีการที่ง่าย เพราะในการสกัดน้ำมันหอมระเหยนั้น มีหลากหลายเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป บางเทคนิคเป็นการใช้ความดัน หรือความร้อนสูง เพื่อทำให้กระบวนการนั้นเกิดได้เร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ผลผลิต ที่ได้มีคุณภาพไม่สูงนัก ในทางกลับกันคือใช้วิธีการสกัดอย่างช้าๆ ด้วยความร้อนต่ำ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เราเลือกใช้ผลิตน้ำมันหอมระเหยของ Oshadhi วิธีนี้ทำให้เราได้การสกัดที่มีความสมบูรณ์มากกว่า มีกลิ่นหอม ที่ละเอียดและเข้มข้นยิ่งขึ้นกว่ากระบวนการที่ใช้กันโดยทั่วไป ซึ่งหวังผล เพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้นในเวลาที่รวดเร็ว